กะเพรา Holy basil, Thai basil

ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum tenuiflorum L.

วงศ์  Labiatae

ชื่อท้องถิ่นอื่น  กะเพรา กะเพราขน กะเพราขาว กะเพราแดง (ภาคกลาง) อีตู่ไทย (ภาคอีสาน) ก้อมก้อ ก้อมก้อดง (เชียงใหม่) ห่อกวอซู ห่อตูปลู (กะเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน) อิ่มคิมหลำ (เงี้ยว – แม่ฮ่องสอน)

ถิ่นกำเนิด : เชื่อกันว่าขี้เหล็กมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่หมู่เกาะทางอินโดนีเซียจนถึงประเทศศรีลังกา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นมีลักษณะตั้งตรงเป็นรูปสี่เหลี่ยม โคนต้นแข็ง ยอดเป็นไม้เนื้ออ่อน มีขนปกคลุมโดยทั่ว และมีกลิ่นหอมแรง ใบเป็นใบเดี่ยวและแตกใบตรงข้ามกันในแต่ละข้อของลำต้นและกิ่ง ลักษณะใบเป็นรูปทรงรี ปลายใบแหลม โคนใบมีลักษณะมน ขอบใบเป็นฟันเลื่อยและเป็นคลื่น ยกเว้นบริเวณโคนใบจะเรียบ แผ่นใบบางมีสีเขียวหรือสีแดงตามลักษณะพันธุ์ แต่มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อแบบช่อฉัตร โดยออกช่อที่ยอดหรือปลายกิ่งลักษณะผลเป็นเปลือกแห้งเมล็ดเดียวขนาดเล็ก ส่วนเมล็ดมีลักษณะรูปไข่ขนาดเล็ก สีน้ำตาลมีจุดเข้ม หุ้มด้วยกลีบเลี้ยงของเมล็ด

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค พลังงานทั้งหมด 23 พลังงานจากไขมัน 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไขมันทั้งหมด 0.6g1% ไขมันอิ่มตัว 0g0% ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.4g ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.1g ไขมันทราน Fat 0 g คลอเรสเตอรอล 0mg0% โซเดียม 4mg0%โพแทสเซียม 295mg0% คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 2.7g1% ใยอาหาร 1.6g6% น้ำตาล 0.3g โปรตีน 3.2g6% วิตามินเอ106% วิตามินซี 30% แคลเซียม 18% เหล็ก 18% วิตามืนดี 0% วิตามินบี 68% วิตามินบี 120% แมกนีเซียม 16% ไทอามิน 2% ไรโบพลาวิน 4% ไนอาซิน 5% วิตามินอี 3% วิตามินเค 51mg 9% ซิงค์ 5%ฟอสฟอรัส 6%

ร้อยละของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปโดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่

 

เมนูเด็ด

 

การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา

  1. ฤทธิ์ขับลม กะเพรามีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีฤทธิ์ขับลม eugenol ในน้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์

ยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดทำให้ท้องเสีย

  1. ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

เมื่อให้สารสกัดจากกะเพราด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 70 ทางท่อตรงเข้าที่กระเพาะอาหารหนูแรทในขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีผลรักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากแอสไพริน หรือการทำให้เกิดความเครียดด้วยความเย็น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากผงใบกะเพราด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน หรือฉีดน้ำมันจากเมล็ดกะเพรา ขนาด 1-3 มิลลิลิตร/กิโลกรัม เข้าทางช่องท้องของหนูตะเภา ที่เหนี่ยวนำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น แอสไพริน แอลกอฮอล์ ฮีสตามีน การผูกที่รอยต่อระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็ก (pyloric ligation) อินโดเมธาซิน เรสเซอปีน ซีโรโทนิน และ ความเครียด พบว่าสามารถลดการหลั่งกรดและป้องกันการทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารจากสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ได้

  1. ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้

สารสกัดจากใบกะเพราด้วยน้ำ หรือสารสกัดแอลกอฮอล์ร้อยละ 49 มีผลคลายกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้หนูตะเภาและกระต่าย ที่กล้ามเนื้อลำไส้ถูกกระตุ้นให้บีบตัวด้วยฮีสตามีน อะเซทิลโคลีน และคาร์บาคอล

  1. ฤทธิ์ลดการอักเสบ

สารสกัดจากใบกะเพราด้วยน้ำและเมทิลแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์บรรเทาการอักเสบของอุ้งเท้าหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้อักเสบด้วยคาราจีแนนและน้ำมันละหุ่ง สาร eugenol ในกะเพรามีฤทธิ์ลดการอักเสบโดยยับยั้งการสังเคราะห์พรอสต้าแกลนดิน (prostaglandin) สารสกัดจากใบกะเพราด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ร้อยละ 50  น้ำมันหอมระเหย  และน้ำมันจากเมล็ดกะเพรา มีฤทธิ์ลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยคาราจีแนน ซีโรโทนิน และฮีสตามีน กรดไขมันจากน้ำมันเมล็ดกะเพรา ได้แก่ stearic acid, palmitic acid, oleic acid, linoleic acid และ linolenic acid มีฤทธิ์ลดการบวมของอุ้งเท้าหนูจากการเหนี่ยวนำให้อักเสบด้วยคาราจีแนน พรอสต้าแกลนดิน อี 2 (PGE2)  leukotriene และ arachidonic acid นอกจากนี้น้ำมันเมล็ดกะเพรายังสามารถลดการอักเสบของข้อเข่าหนูแรท เมื่อให้รับประทานเป็นเวลา 10 วัน โดยน้ำมันเมล็ดกะเพราขนาด 3 มิลลิลิตร/กิโลกรัม จะมีผลยับยั้งเทียบเท่ากับยาแอสไพรินขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำมันหอมระเหยจากใบกะเพราออกฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับยั้งเอ็นไซม์ 5-lipoxygenase ได้ดีกว่า กรด nordihydroquaretic ตำรับยาที่มีกะเพราเป็นส่วนประกอบมีฤทธิ์ลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูขาวที่เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยสารคาราจีแนน และฟอร์มาลีน สารสกัดจากใบ ลำต้นของกะเพรา และสารที่แยกได้จากกะเพราได้แก่ cirsilineol, cirsimaritin, isothymonin, apigenin, rosmaric acid และ eugenol ที่ความเข้มข้น 1 มิลลิโมล/ลิตร มีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบได้

ที่มา : http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/ocimten.html

http://www.calforlife.com/calories/basil-fresh