ชื่อไทย ตะแบกนา (Thai crape myrtle)
ชื่อท้องถิ่น เปื๋อยด้อง เปื๋อยนา เปื๋อยหางค่าง (ภาคเหนือ) ตะแบกไข่ (ราชบุรี ตราด)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lagerstroemia floribunda Jack
วงศ์ LYTHRACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10 – 25 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกนอกสีเทาอมขาว แตกร่อนเป็นหลุมตื้นๆ ทำให้ผิวเปลือกด่างเป็นวงกระจายทั่วลำต้น เนื้อไม้ละเอียดแข็ง ใจกลางมักเป็นโพรง
ลักษณะใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่แกมรูปใบหอก กว้าง 5 – 8 เซนติเมตร ยาว 8 – 20 เซนติเมตร โคนใบมนหรือสอบเรียว ขอบใบห่อยกขึ้น ปลายใบมน มีติ่งแหลมเล็ก แผ่นใบบางแต่ค่อนข้างเหนียว และยานเป็นลอน สีเขียวนวลเป็นมัน ใบอ่อนสีแดงอมชมพู มีขนละเอียดรูปดาว
ลักษณะดอก ช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยสีม่วงอมชมพู เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 – 3.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย มีสันนูนตามยาว และมีขนสั้นประปราย ปลายแยกเป็น 6 แฉก กลีบดอก 6 กลีบ ทรงกลม ออกสลับกับกลีบเลี้ยง โคนคอดเรียวเป็นก้านสั้นๆ กลีบดอกบางยับย่น เกสรเพศผู้จำนวนมาก
ลักษณะผล ผลแห้งแก่แล้วแตกกลางพู รูปรี หรือรูปไข่ กว้าง 1 – 1.5 เซนติเมตร ยาว 1.2 – 2 เซนติเมตร เปลือกเกลี้ยงแข็ง มีกลีบเลี้ยงติดตรงจุกผล เมื่อสุกสีน้ำตาล เมล็ดสีน้ำตาลอมเหลือง แบน มีปีก จำนวนมาก
ระยะการออกดอกติดผล
ออกดอกเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคม และเดือนพฤษภาคม – เดือนกรกฎาคม ติดผลเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมิถุนายน – เดือนสิงบหาคม
เขตการกระจายพันธุ์
พบตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดิบ ป่าน้ำท่วม ตามท้องนา ที่ความสูง 20 – 300 เมตร จากระดับน้ำทะเล
การใช้ประโยชน์
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
เนื้อไม้: ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่รับน้ำหนัก และทำเครื่องมือการเกษตร
ราก: แก้แผลในปากและคอ
แก่น: แก้โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ
เปลือก: แก้ไข แก้ท้องเสีย
ใบ: ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสด ต้มหรือชงแก้เบาหวาน ขับปัสสาวะ
เมล็ด: แก้เบาหวาน นอนไม่หลับ
แหล่งข้อมูล: สำนักงานหอพรรณไม้ – กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
[qrcode url=”https://adeq.or.th/qr/0011″ margin=”10″ size=”150″ after=”ต้นตะแบกนา”]