พลังงานหมุนเวียนเปลี่ยนโลก: ก้าวใหม่ของมนุษยชาติสู่ความยั่งยืน

เมื่อพูดถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (climate crisis) หรือภาวะโลกร้อน (global warming) สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการกล่าวถึงแหล่งพลังงานที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจนถึงปัจจุบัน พลังงานจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ หรือที่เราเรียกรวมว่า “เชื้อเพลิงฟอสซิล” ได้กลายมาเป็นเส้นเลือดหลักของระบบเศรษฐกิจโลก แต่ขณะเดียวกัน พลังงานเหล่านี้ก็เป็นต้นตอของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกของเราร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทางเลือกหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเป็นลำดับ ก็คือ “พลังงานหมุนเวียน” (Renewable Energy) ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ มีใช้ไม่มีวันหมด และสามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาไปสำรวจว่าพลังงานหมุนเวียนมีสถานะอย่างไรในวันนี้ มีรูปแบบใดบ้าง เทคโนโลยีใหม่มีทิศทางไปทางใด และเราทุกคนจะมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร


1. สถานการณ์พลังงานหมุนเวียนของโลกและประเทศไทย

ในระดับโลก ข้อมูลจาก International Energy Agency (IEA) ปี 2023 ระบุว่า พลังงานหมุนเวียนคิดเป็นสัดส่วนราว 29% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดทั่วโลก โดยพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา และจีน ที่ต่างมีนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง

หากพิจารณาประเทศไทย จากข้อมูลของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กุมภาพันธ์ 2025) พบว่า ประเทศไทยยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 80.67% ของการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 60.40%  ถ่านหิน 20.00% และพลังงานหมุนเวียนเพียง 19.33% เท่านั้น ซึ่งในส่วนของพลังงานหมุนเวียนนั้นยังคงเป็นพลังงานชีวมวล พลังน้ำ และพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก

กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในระยะยาว โรงเรียนหลายแห่งในต่างจังหวัดก็เริ่มติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดภาระค่าไฟฟ้า และเป็นต้นแบบการเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาดให้แก่นักเรียน


2. ประเภทของพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบัน

พลังงานหมุนเวียนมีหลากหลายประเภท แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะ ข้อดี ข้อจำกัด และความเหมาะสมในการนำไปใช้ต่างกันตามภูมิประเทศและทรัพยากรของพื้นที่

2.1 พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)

เป็นพลังงานที่ได้รับความนิยมมากในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ราคาของแผงโซลาร์เซลล์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตที่มากขึ้น

2.2 พลังงานลม (Wind Energy)

เหมาะกับพื้นที่ที่มีความเร็วลมคงที่และต่อเนื่อง เช่น ชายฝั่งหรือยอดเขาสูง ประเทศไทยเริ่มมีโครงการกังหันลมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ที่เขายายเที่ยง จังหวัดนครราชสีมา

2.3 พลังงานน้ำ (Hydropower)

ใช้การไหลของน้ำจากเขื่อนหรือแม่น้ำในการหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนแบบดั้งเดิม แต่ก็มีข้อถกเถียงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนท้องถิ่น

2.4 พลังงานชีวมวล (Biomass Energy)

ได้จากการเผาวัสดุชีวภาพ เช่น ฟางข้าว แกลบ กากอ้อย หรือของเสียทางการเกษตร แม้จะปล่อยคาร์บอน แต่ถือเป็นวัฏจักรธรรมชาติ ไม่ใช่คาร์บอนสะสมใหม่ในชั้นบรรยากาศ

2.5 พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy)

ใช้ความร้อนจากใต้พิภพในการผลิตไฟฟ้า แม้จะยังไม่แพร่หลายในไทย แต่ถือเป็นแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพสูง

 

 


3. แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน

ทิศทางของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในอนาคตมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสามด้านสำคัญ คือ

3.1 เซลล์แสงอาทิตย์รุ่นใหม่: Perovskite

เป็นวัสดุใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิคอนแบบเดิม และสามารถผลิตในรูปแบบฟิล์มบาง ติดตั้งได้หลากหลาย เช่น กระจกหน้าต่าง อาคารโค้งมน หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ

3.2 ระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Storage)

แก้ปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนของแสงแดดและลม โดยสามารถเก็บไฟฟ้าที่ผลิตไว้ใช้ตอนกลางคืนหรือวันที่ไม่มีลมได้ ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่และระบบไฮโดรเจน

3.3 ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid)

คือการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบดิจิทัล เชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงาน ทำให้เกิดความสมดุลในการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างแม่นยำและทันเวลา

งานวิจัยจาก BloombergNEF (2023) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 พลังงานแสงอาทิตย์และลมจะกลายเป็นแหล่งพลังงานที่มีต้นทุนถูกที่สุดทั่วโลก และจะมีสัดส่วนเกิน 50% ในหลายประเทศ


4. บทสรุป: พลังงานหมุนเวียน + การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า

แม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนที่ทันสมัยแค่ไหน หากผู้ใช้ยังคงใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ก็ยากที่จะทำให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานนี้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า (energy efficiency) จึงเป็นอีกฟันเฟืองที่สำคัญ เช่น

  • ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งาน
  • ตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25°C
  • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5
  • เลือกเดินทางแบบใช้พลังงานต่ำ เช่น รถไฟฟ้า หรือจักรยาน
  • ลดการกินเหลือทิ้ง เพื่อลดขยะอาหารที่สร้างก๊าซมีเทน

งานวิจัยจาก Frontiers in Psychology (2021) ชี้ว่า ความเข้าใจ ความรู้สึกมีส่วนร่วม และความเชื่อมั่นในผลของพฤติกรรมตนเอง เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่ออนุรักษ์พลังงาน


อ้างอิง

  1. International Energy Agency. (2023). Renewables 2023. https://www.iea.org/reports/renewables-2023
  2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. (2025).  https://ember-climate.org/data/country-profiles/asia/thailand/
  3. UN. (n.d.). What is Renewable Energy? https://www.un.org/en/climatechange/what-is-renewable-energy
  4. BloombergNEF. (2023). New Energy Outlook. https://about.bnef.com/new-energy-outlook/
  5. Frontiers in Psychology. (2021). Psychological Predictors of Energy Saving Behavior. https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fpsyg.2021.648221/full
0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *