แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยพลังงานสะสมในเปลือกโลก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกบริเวณแนวรอยเลื่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์เริ่มให้ความสนใจกับความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน อาจมีความเกี่ยวข้องในลักษณะทางอ้อมกับการกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวในบางพื้นที่
ภาวะโลกร้อนเกิดจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ความร้อนที่เพิ่มขึ้นนี้นำไปสู่การละลายของธารน้ำแข็ง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และความผันผวนของสภาพอากาศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อความสมดุลของแรงกดดันบนเปลือกโลกได้ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีความเปราะบางทางธรณีวิทยา
หนึ่งในกลไกสำคัญที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างภาวะโลกร้อนกับแผ่นดินไหว คือปรากฏการณ์การดีดตัวของเปลือกโลกจากการละลายของธารน้ำแข็ง (Glacial Isostatic Rebound) เมื่อธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ละลาย น้ำหนักที่เคยกดทับผิวโลกจะลดลง ส่งผลให้แผ่นดินบริเวณนั้นค่อย ๆ ยกตัวขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเพิ่มแรงเครียดในเปลือกโลกและอาจกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแนวรอยเลื่อนอยู่เดิม งานวิจัยของ Sauber และ Molnia (2004) พบว่าในอลาสก้า การละลายของธารน้ำแข็งมีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำบนพื้นผิวโลกก็สามารถส่งผลต่อแรงกดดันใต้ดินเช่นกัน Heki (2003) รายงานว่าหิมะที่สะสมในฤดูหนาวและการละลายในฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่นสามารถส่งผลต่อความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวในบางพื้นที่ กลไกนี้เรียกว่า hydrological loading ซึ่งเกิดจากน้ำหนักของน้ำฝน หิมะ หรือแม้แต่น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ ที่กดทับลงบนพื้นผิวโลกและเปลี่ยนแปลงแรงดันในชั้นหินตื้น
งานวิจัยของ Bollinger และคณะ (2007) ที่ศึกษาบริเวณเทือกเขาหิมาลัยยังพบว่า ฤดูกาลมีผลต่อการเกิดแผ่นดินไหว โดยพบแนวโน้มของแผ่นดินไหวระดับตื้นเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการละลายของหิมะสูงที่สุด ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะภาวะโลกร้อนทำให้เกิดแผ่นดินไหวโดยตรง แต่เพราะมันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของแรงเครียดในระบบธรณีของโลก
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างภาวะโลกร้อนกับแผ่นดินไหวยังอยู่ในขั้นการศึกษาและต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกในระยะยาว แต่งานวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันได้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบภูมิอากาศและระบบธรณีวิทยาอย่างมีนัยสำคัญ ความเข้าใจในประเด็นนี้จึงมีความสำคัญต่อการประเมินความเสี่ยงทางธรรมชาติในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเปราะบางทั้งทางภูมิอากาศและธรณีวิทยา
อ้างอิง:
- Bollinger, L., Perrier, F., & Avouac, J. P. (2007). Seasonal modulation of seismicity in the Himalaya of Nepal. Geophysical Research Letters, 34(8). https://doi.org/10.1029/2006GL029192
- Heki, K. (2003). Snow load and seasonal variation of earthquake occurrence in Japan. Earth and Planetary Science Letters, 207(1–4), 159–164. https://doi.org/10.1016/S0012-821X(02)01148-2
- Sauber, J., & Molnia, B. (2004). Glacier ice mass fluctuations and fault instability in tectonically active southern Alaska. Global and Planetary Change, 42(1–4), 279–293. https://doi.org/10.1016/j.gloplacha.2003.11.007