การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกหน่วยงานและทุกคนควรตระหนักถึง เพื่อให้เราสามารถอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะครอบคลุมถึงหลักการและแนวทางในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมผ่านการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการใช้และการบำรุงรักษา โดยมีงานวิจัยรองรับเพื่อให้การนำไปปฏิบัติเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง
การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถลดการใช้พลังงานได้มาก งานวิจัยจากสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าการใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 50% (สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564) นอกจากนี้ การเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์เบอร์ 5 ยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าอุปกรณ์ทั่วไปถึง 20-30% .
การบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
การบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพ งานวิจัยจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้ว่า การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 10-15% (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, 2564). นอกจากนี้ การทำความสะอาดแผงกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศยังช่วยให้การทำงานของเครื่องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้งานพลังงานที่ไม่จำเป็น
2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การประหยัดพลังงานในสำนักงาน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยสามารถมีผลกระทบใหญ่ต่อการใช้พลังงาน การปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งานสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 5-10% . งานวิจัยจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่าการใช้แสงธรรมชาติแทนแสงไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวันสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 20% (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, 2563). โดยการเปิดม่านหน้าต่างให้แสงเข้ามาในห้อง จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าจากหลอดไฟและลดภาระงานของเครื่องปรับอากาศ
การลดการใช้ทรัพยากร
การลดการใช้ทรัพยากรเช่นกระดาษและน้ำเป็นสิ่งที่ควรทำ งานวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ระบุว่าการใช้เอกสารดิจิทัลแทนกระดาษสามารถลดการใช้กระดาษได้ถึง 30-40% (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, 2564). นอกจากนี้ การปิดก๊อกน้ำเมื่อไม่ใช้งานและการตรวจสอบระบบน้ำอย่างสม่ำเสมอยังช่วยลดการใช้น้ำได้มากถึง 20% การใช้เครื่องพิมพ์ที่มีฟังก์ชันประหยัดพลังงานและการใช้กระดาษรีไซเคิลเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร
3. การกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการใช้และการบำรุงรักษา
การวางแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การวางแผนการใช้พลังงานเป็นสิ่งที่สำคัญในการลดการใช้พลังงาน งานวิจัยจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พบว่าการใช้ระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management System) สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 10-20% (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, 2564). การตั้งค่าอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมยังช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การตั้งค่าอุณหภูมิที่ 24-26 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อน และการตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าตามการใช้งานจริง
การฝึกอบรมและส่งเสริมการรับรู้
การให้ความรู้และฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานเป็นสิ่งที่จำเป็น งานวิจัยจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ชี้ว่าการฝึกอบรมพนักงานสามารถเพิ่มการรับรู้และการปฏิบัติตามแนวทางการอนุรักษ์พลังงานได้ถึง 15-20% (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, 2563) การสร้างแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เช่น การแข่งขันการลดการใช้พลังงานในแต่ละแผนก การให้รางวัลแก่พนักงานที่มีแนวทางการประหยัดพลังงานที่ดี จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการปฏิบัติตามนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน
การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เพียงแค่ความรับผิดชอบของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในหน่วยงาน การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการกำหนดมาตรการที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิง
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. (2564). การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ. สืบค้นจาก https://www.egat.co.th
สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2564). การใช้เทคโนโลยีหลอดไฟ LED. สืบค้นจาก https://www.eri.chula.ac.th
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน. (2563). การประหยัดพลังงานในสำนักงาน. สืบค้นจาก https://www.eppo.go.th
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564). การลดการใช้ทรัพยากรในสำนักงาน. สืบค้นจาก https://www.nstda.or.th