ชื่อไทย หูกวาง
ชื่อท้องถิ่น โขน, โคน (นราธิวาส), ดัดมือ ตัดมือ (ตรัง), ตาปัง (พิษณุโลก, สตูล)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia catappa L.
ชื่อวงศ์ COMBRETACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบ มีความสูงประมาณ 8-25 เมตร มีเปลือกเรียบ กิ่งแตกรอบลำต้นตามแนวนอนเป็นชั้น ๆ คล้ายฉัตร
ลักษณะใบ ใบหูกวางจัดเป็นใบเดี่ยว มีสีเขียวอ่อนเมื่อแตกใบใหม่ และเมื่อแก่จะมีสีเหลืองถึงน้ำตาล ใบจะแตกเรียงสลับบริเวณปลายกิ่ง มีรูปไข่กลับด้าน กว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12-15 เซนติเมตร ปลายใบมีติ่งแหลม ส่วนโคนใบมีลักษณะสอบแคบ เว้า และมีต่อม 1 คู่ แผ่นใบมีลักษณะหนา และมีขนนุ่มปกคลุม ผลัดใบในฤดูหนาว ช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
ลักษณะดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ขนาดเล็ก มีสีขาวนวล
ลักษณะผล ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปรี ป้อม และแบนเล็กน้อย ความกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร มีสีเปลือกผลสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีเหลืองออกน้ำตาล และเมื่อแห้งจะเป็นสีดำคล้ำ และเมื่อเนื้อเปลือกหลุดออกจะเห็นเป็นเส้นใยกระจุกตัวแน่นทั่วผล
ระยะการออกดอกติดผล
ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน
เขตการกระจายพันธุ์
ทวีปแอฟริกา อเมริกา เอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียเขตร้อนไปยังออสเตรเลียเหนือ และโปลินีเซียเป็นพันธุ์ไม้ในป่าชายหาดที่พบขึ้นกระจายตามชายฝั่งทะเล
การใช้ประโยชน์
เนื้อไม้เป็นสีแดงมีเสี้ยนไม้ละเอียด สามารถขัดชักเงาได้ดี นำไปใช้ทำเรือ
เปลือกและผล ใช้ฟอกหนัง ย้อมผ้า และย้อมหวาย
ใบแห้งหมักนิยมใช้เลี้ยงปลา เพราะช่วยให้สภาพน้ำมีค่าความเป็นกรด-ด่างสูงขึ้น
แหล่งข้อมูล : ฐานข้อมูลพรรณไม้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์
โครงการพัฒนากิจกรรมการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา