24 วิธีขับขี่อย่างไรให้ประหยัดพลังงาน
- การใช้โทรศัพท์ ช่วยลดการเดินทางและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
การค้นหาข้อมูลจากสมาทร์ทโฟนผ่านเว็บไซต์เพื่อค้นหาอย่าง google และการใช้โทรศัพท์ก่อนตัดสินใจใช้รถยนต์ เพื่อตรวจสอบว่าร้านหรือสถานที่ที่ต้องการไปยังเปิดทำการอยู่ บุคคลที่ต้องการพบยังไม่ออกไปไหนและสิ่งของที่ต้องการใช้ยังมีจำหน่ายที่ร้านค้าที่ต้องการจะไปและการติดต่อสอบถามและสั่งซื้อทางโทรศัพท์โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ให้บริการหรือจำหน่าย จะช่วยลดการใช้รถยนต์ที่ไม่จำเป็นลง นอกจากนี้ การพูดคุยทางโทรศัพท์สามารถหลีกเลี่ยงการใช้เวลาและน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางได้
2. วางแผนเส้นทางและจัดกลุ่มกิจกรรมที่ต้องทำไว้ด้วยกันช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
การเดินทางระยะสั้นๆ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมาก เนื่องจากการทำงานของเครื่องยนต์จะให้ประสิทธิภาพต่ำในระยะทางสั้นๆ ดังนั้น ผู้เดินทางควรจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นของกิจกรรมและที่หมายปลายทางให้สอดคล้องกับเส้นทาง ช่วงเวลาการเดินทาง และความหนาแน่นของการจราจรในแต่ละช่วงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงและลดการเสียเวลาและการสูญเปล่าของน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทาง
- ลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และลดมลพิษด้วยการใช้บริการขนส่งมวลชน
ใช้บริการขนส่งมวลชน หรือรถโดยสารที่จัดบริการเฉพาะกลุ่มและเส้นทาง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและลดความคับคั่งของการจราจรจากการเดินทางที่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นการใช้บริการรถรับส่งพนักงานของหน่วยงาน การใช้รถรับส่งนักเรียน และการใช้รถร่วมกันบางช่วงหรือตลอดเส้นทางของการเดินทาง
- ปรับที่นั่ง กระจกมองหลังและมองข้างก่อนติดเครื่อง ช่วยลดการสิ้นเปลือง
บ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องจอดรถข้างทาง เพื่อปรับที่นั่ง พนักพิง กระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง ภายหลังขับออกจากที่จอดได้สักครู่ การขับรถลักษณะนี้ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และขัดขวางการจราจรของผู้อื่น รวมทั้งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ผู้ขับขี่จึงควรสำรวจและตรวจสอบความพร้อมของการขับขี่ด้วยการปรับตำแหน่งที่นั่ง พนักพิง กระจกมองข้างและกระจกมองหลังทุกครั้ง ก่อนติดเครื่องยนต์เพื่อลดการสิ้นเปลืองดังกล่าว
- ออกรถอย่างนุ่มนวลช่วยลดการสิ้นเปลือง
การสตาร์ทเครื่องยนต์และออกตัวด้วยความเร่ง จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าการสตาร์ทและค่อยๆ ออกตัวอย่างนุ่มนวลได้มากถึงร้อยละ 50 ไม่ควรเหยียบคันเร่งทันทีและมากเกินไปเมื่อออกรถจากที่จอดซึ่งจะทำให้เกิดการกระชากของรถ ทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ให้นึกว่ามีไข่ไก่อยู่ระหว่างเท้ากับคันเร่งของรถยนต์ และจะต้องค่อยๆ เหยียบคันเร่งโดยไม่ทำให้ไข่แตก วิธีดังกล่าวจะลดการสึกหรอและการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็นลงได้
- เคลื่อนตัวทันทีหลังการติดเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มการหล่อลื่นและลดการสิ้นเปลือง
การติดเครื่องยนต์ หลังจากจอดทิ้งไว้ แล้วเคลื่อนตัวทันทีจะช่วยลดการเสียดทานและสึกหรอ โดยช่วยให้การหล่อลื่นภายในเครื่องยนต์และการส่งกำลังของส่วนต่างๆ ของรถยนต์ดีขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีและลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง การเคลื่อนตัวภายใน 15 วินาทีของการติดเครื่องยนต์จะช่วยลดการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิงจากการติดเครื่องอยู่กับที่ รถยนต์ที่เคลื่อนที่อยู่บนเส้นทางจะช่วยเพิ่มการหล่อลื่นได้มากและเร็วกว่ารถที่จอดอยู่กับที่ การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำใน 1-2 กิโลเมตรแรกและค่อย ๆ เพิ่มความเร็วมากขึ้น จะทำให้เครื่องยนต์อุ่นและร้อนขึ้นทำงานได้ดีและจะลดการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิง
- ปลดเบรคก่อนเหยียบคันเร่ง ลดการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิง
การสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้นเป็นประจำจากการเร่งเครื่องยนต์ เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ออกจากที่จอด โดยไม่ได้ปลดเบรค ทำให้เกิดการสูญเปล่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ “ขโมยเงียบ” โดยรถยนต์ไม่เคลื่อนตัว
- พักเท้าข้างหนึ่งบนเบรคหรือคลัทช์ไม่ช่วยประหยัดพลังงาน
ขณะขับรถยนต์ บ่อยครั้งที่ผู้ขับจะพักเท้าข้างหนึ่งไว้บนเบรคหรือคลัทช์ เป็นเหตุให้เกิดการสูญเปล่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้เพาเวอร์เบรค ซึ่งการสัมผัสเบรคเพียงเล็กน้อยจะทำให้เบรคทำงานได้ โดยจะทำให้เกิดแรงหน่วงต่อการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าของรถยนต์ ขณะที่การวางเท้าข้างหนึ่งไว้บนคลัทช์จะทำให้รถยนต์มีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้าลดลง และเกิดการสูญเปล่าในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
- ใช้เบรคมือแทนการเลี้ยงคลัทช์ช่วยประหยัดน้ำมัน
หากมีความจำเป็นต้องจอดระหว่างการเดินทางเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร รอเลี้ยว รถติด รอเข้าหรือออกจากที่จอดรถ หรือยู่บนทางลาดชัน ควรใช้เบรคมือจะช่วยลดการสึกหรอของการส่งกำลังและเฟืองต่าง ๆ แทนการเลี้ยงคลัช
- ยิ่งใช้เบรคมากยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
การขับเคลื่อนรถออกจากภาวะการหยุดนิ่งต้องใช้พลังงานมากกว่าการขับเคลื่อนจากภาวะที่กำลังเคลื่อนตัวถึงหกเท่า การขับเคลื่อนให้รถยนต์วิ่งด้วยความเร็วระดับหนึ่งจะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนหนึ่ง เมื่อลดความเร็วลงด้วยการใช้เบรค น้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำให้รถยนต์สามารถเคลื่อนตัวที่ความเร็วดังกล่าวจะสูญเปล่าไปในทันที ภายหลังการหยุดหรือชะลอความเร็วลง ผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอีกส่วนหนึ่งเพื่อเร่งการทำงานของเครื่องยนต์ให้เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่าเดิมที่ก่อนจะมีการใช้เบรค ดังนั้นยิ่งใช้เบรคมากก็จะสิ้นเปลืองมาก จึงควรขับรถในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นด้วยความเร็วพอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เบรค และใช้เบรคตามความจำเป็น จะช่วยลดการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิง
11.หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเต็มถังเพื่อลดการสูญเสียน้ำมันเชื้อเพลิง
การเติมน้ำมันเต็มถังบ่อยครั้งที่จบลงด้วยน้ำมันล้นถังจากการทำยอดขายที่ลงตัวของพนักงานบริการน้ำมัน เช่น ให้ครบจำนวนหลักร้อยหรือหลักสิบ ที่จะสะดวกในการคิดและทอนเงินแก่ผู้ใช้บริการในช่วงท้ายของการเติมเต็มถัง พนักงานจะให้ความสนใจที่มาตรวัดการขายมากกว่าปริมาณน้ำมันในถังของรถที่มาเติมน้ำมัน เป็นเหตุให้น้ำมันล้นถังเป็นประจำเกิดการสูญเสียที่ผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันเป็นผู้รับภาระ ขณะเดียวกันก็อาจเกิดอันตรายจากน้ำมันที่ล้นจากถังทั้งที่สถานีบริการและขณะขับเคลื่อนบนท้องถนนได้ บางครั้งจะพบว่ามีน้ำมันไหลล้นเป็นทางจากถังน้ำมันของรถคันข้างหน้าที่วิ่งออกจากสถานีบริการน้ำมันและจะไหลมากขึ้นเมื่อรถคันดังกล่าวเบรคหรือออกตัวหลังจากจอด การเติมน้ำมันครั้งต่อไปควรกำกับให้พนักงานใส่หัวจ่ายน้ำมันเข้าไปในถังน้ำมันให้ลึกที่สุด และเติมน้ำมันด้วยอัตราการไหลช้าหรือปรกติ ไม่เติมด้วยอัตราเร่งหรือเร็ว และให้หยุดเติมเมื่อมีการตัดครั้งแรกเพื่อปล่อยให้มีการปรับยอดขายด้วยการเติมอีกเพียงเล็กน้อยให้ได้ยอดขายที่ลงตัว โดยไม่ทำให้น้ำมันล้นถัง จะช่วยลดการสูญเสียที่สถานีบริการ และภายหลังที่ขับออกจากสถานีบริการได้อย่างมาก
12.มาตรวัดน้ำมันต้องเป็นศูนย์ก่อนเติมน้ำมันทุกครั้ง
เมื่อเข้ารับบริการที่สถานีบริการน้ำมันทุกครั้ง จอดรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ฝาถังน้ำมันอยู่ใกล้จุดจ่ายน้ำมันมากที่สุด และจากที่นั่งคนขับสามารถเห็นมาตรวัดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันได้ชัดเจน ระบุชนิดน้ำมันให้ถูกต้องและสอดคล้องกับความต้องการของรถยนต์อย่างชัดเจน และจะต้องตรวจสอบทุกครั้งว่ามาตรวัดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันชนิดที่ต้องการอยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ทั้งปริมาณการจำหน่าย(ลิตร) และมูลค่าการจำหน่าย(บาท) ก่อนที่พนักงานจะเริ่มเติมน้ำมันเข้าถังน้ำมันเพื่อป้องกันการสูญเปล่าจากการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการน้ำมันหลายแห่งติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันที่จะตัดยอดการขาย และปริมาณการขายเป็นศูนย์โดยอัตโนมัติก่อนการขายแต่ละครั้ง
13.ขับรถเปิดหน้าต่างสิ้นเปลืองกว่าที่คิด
การขับรถด้วยความเร็วเมื่อเดินทางไกล ด้วยการเปิดหน้าต่างรับลมเย็นจะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าการขับรถปิดหน้าต่างแล้วเปิดเครื่องปรับอากาส เนื่องจากลมที่พัดเข้ารถจะมีแรงฉุดรถยนต์ถึงสองแรงม้าเปรียบเทียบกับการเปิดเครื่องปรับอากาศซึ่งจะมีแรงฉุดรถยนต์เพียงหนึ่งแรงม้า การเปิดหน้าต่างขับรถทางไกลจึงใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าการขับรถปิดหน้าต่างแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยได้ระยะทางต่อลิตรของน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงถึงร้อยละ 10
14.ขับรถเปิดช่องลมหรือแสงที่หลังคาสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปรกติ
ขณะที่ขับรถด้วยความเร็วบนเส้นทางไกล และเปิดช่องหลังคาเพื่อรับลมหรือแสงแดดจะทำให้เกิดแรงฉุดในทิศทางตรงกันข้ามกับการขับเคลื่อนรถยนต์ เป็นเหตุให้การเดินทางต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปรกติ เช่นเดียวกับการขับรถเปิดหน้าต่าง
- คนขับที่เหนื่อยล้าจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองมากกว่า
จากการทดสอบ พบว่าความเหนื่อยล้ามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนรถยนต์ ซึ่งผู้ขับขี่จะมีการควบคุมความเร็วและการทำงานในส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการตัดสินใจได้ไม่ดีเท่าผู้ขับขี่ที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ร่างกายที่เหนื่อยล้ายังอาจเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินและพลังงานของตนเองและผู้อื่นอีกด้วย
16.ลมยางที่เหมาะสม ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ลมยางที่อ่อนเกินไป ลมยางที่ไม่เท่ากัน และไม่สอดคล้องกับความจำเป็นในการใช้งานจะทำให้เกิดการสึกหรอของยางเร็วขึ้น และทำให้ประสิทธิภาพการขับเคลื่อนรถยนต์ลดลง เป็นผลให้ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางมาก
- รถที่ขับเคลื่อนด้วยยางหน้ากว้างจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า
ยางหน้ากว้างจะเพิ่มแรงเสียดทานในการขับเคลื่อนทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้กำลังและน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปรกติ ยางหน้าแคบหรือมาตรฐานจะฉุดกำลังเครื่องยนต์น้อยกว่า ยางยิ่งหน้าแคบก็จะช่วยในการขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพพลังงานเพิ่มมากขึ้น
- การใช้ยางเรเดียลช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
จากการทดสอบพบว่ายางเรเดียล ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางได้มากถึงร้อยละ 7–10 นอกเหนือจากความปลอดภัยที่ยางเรเดียลมีให้มากกว่า
19.การบำรุงรักษาที่เหมาะสมช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทาง
การดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการหล่อลื่นส่วนต่อ ข้อ และส่วนที่มีการเคลื่อนไหวจะช่วยลดการสึกหรอและลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์และส่วนส่งและรับกำลังของรถยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ที่มีการดูแลรักษาดีจะทำงานได้ดี ยืดอายุการทำงาน ลดมลพิษ ลดการสึกหรอ และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
20.รถยิ่งหนักยิ่งต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนมาก
หลีกเลี่ยงการเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นไว้ในรถยนต์ น้ำหนักของสัมภาระรวมทั้งอะไหล่รถยนต์ที่ใช้แล้วและได้รับคืนจากศูนย์บริการและไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในการเดินทางจะเป็นภาระในการขับเคลื่อนของรถยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้ได้ระยะทางเท่าเดิม การลดและหลีกเลี่ยงดังกล่าว จึงมีส่วนช่วยประหยัดพลังงานได้โดยตรง
- จอดรถให้สามารถขับออกได้สะดวกที่สุด ช่วยอนุรักษ์พลังงาน
- อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มการต้านลม และสิ้นเปลืองพลังงาน
23.ขับรถความเร็วสม่ำเสมอ ลดการสึกหรอและการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
- ไม่ขับรถลากเกียร์ ช่วยลดการสิ้นเปลือง