สร้างสรรค์ โลกสวย ด้วยมือเรา

สร้างสรรค์โลกสวยด้วยมือเรา

เราทุกคนเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของการอนุรักษ์ป่าไม้ และพันธุ์สัตว์ป่ารวมถึงการประหยัดน้ำและพลังงานผ่านสื่อต่างๆ มากมาย แต่นั่นเป็นเพียงแคข้อมูลพื้นผิวที่คนในสังคมเมืองอย่างเราจะรับรู้ได้ น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัส ป่า ในรูปแบบของธรรมชาติจริงๆ และยิ่งน้อยคนเข้าไปอีกที่จะมีโอกาสได้รับรู้ว่า ป่า สัตว์ป่า น้ำ และสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเราซึ่งเราเรียกเขาเหล่านั้นว่า สภาพแวดล้อม นั้น สัมพันธ์และสำคัญกับเราทุกคนอย่างไร่ และยิ่งไม่น่าเชื่อว่าการใฃ้ชีวิตประจำวันของคนเเมืองอย่างเรานั้นก่อนให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานและมลภาวะอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เราเชื่อว่า ถ้าคนในเมืองมีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลที่มากไปกว่าที่เราเห็นโฆษณาในโทรทัศน์เพียงแค่ 30 วินาที หรือได้ยินสปอตโฆษณาให้ช่วยกัน สำนึกคุณค่า เวลาใช้น้ำใช้ไฟนั้นเราก็ยังนึกภาพออกเพียงรางๆ ในภาพรวม

ยกตัวอย่างเช่นเรามักจะปิด T.V. โดยใช้ remote โดยที่นึกไม่ถึงว่ามันก็ยังกินไฟอยู่ตั้ง 8 วัตต์ ในขณะที่ไฟอ่านหนังสือต้องแสงสว่างเพียง 7 วัตต์ หรือบางคนเปิดน้ำทิ้งขณะแปรงฟันในขณะที่แหล่งน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคของโลกเรานั้นมีเพียง 0.003 % และการได้มาซึ่งเขื่อนแต่ละเขื่อนนั้นเราต้องแลกกับพื้นที่ป่าไม้ที่ช่วยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แลกกับชีวิตสัตว์ป่ามากมาย รวมถึงพื้นที่ที่คนอยู่อาศัยและงบประมาณอันมากมายมหาศาลของประเทศ ที่พึงตระหนักมากไปกว่านั้นก็คือ เขื่อนแต่ละเขื่อนนั้นมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 25 ปี

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรายังต้องการน้ำดื่มน้ำใช้ เรายังต้องการแสงสว่างเพื่อความสะดวกสบาย เรายังต้องการอากาศที่บริสุทธิ์และไม่ร้อนผิดปกติขึ้นทุกวัน เราก็น่าจะช่วยกันทะนุถนอมพลังงานต่างๆ เหล่านี้ให้มีอายุการใช้งานได้นานที่สุดให้คุ้มค่ากับการที่เราต้องสูญเสียทรัพยากรธรรม- ชาติไป ที่สำคัญทรัพยากรเหล่านี้ใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถหามาทดแทนได้อีก หรือบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็มีอันต้องมาผิดเพี้ยน ล้มหายตายจากไปจากการกระทำของน้ำมือมนุษย์ เช่น เราเคยได้เห็นข่าวที่ช้างป่าพากันมากินสับปะรด และข้าวโพดของชาวบ้าน นั่นก็เพราะคนเมืองอย่างเราไปแย่งชิงอาหารของเขาก่อน อะไรล่ะหรือ? ที่เป็นอาหารของเขา ก็แกงจืดหน่อไม้ของโปรดของเรายังไงเล่า ไหนจะข้าวหลามหอมอร่อยหวานมันนั่นอีก ยอดผักหวานอ่อนๆ นั่นก็ใช่อ้อ ช้างไม่ได้กินข้าวหลามเป็นอาหารนะแต่เขากินยอดไผ่ที่เราเข้าไปตัดลำตันมาทำข้าวหลามนั่นไง ณ. จังหวัดหนึ่งมีโรงงานทำหน่อไม้กระป๋อง 44 โรงงานโดยที่ไม่มีพื้นที่ป่าไผ่เลย ถึงแม้มีผู้ปลูกป่าไผ่เป็นไม้เศรฐกิจแต่ก็มิอาจสู้ราคาไผ่ตงและไผ่หวานที่แอบไปขโมยข้างมาจากป่าโดยไม่ต้องลงทุนได้

เรายังคงจำได้กับโศกนาฎกรรมจากน้ำป่าไปลหลากที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนไปแล้ว จากฝีมือตัดไม้ทำลายป่าของมนุษย์ที่ทำให้กับนายทุนผู้ขาดจิดสำนึกต่อส่วนรวมและร่ำรวยบนความหายนะของประเทศชาติ ภาพความเสียหายจากอุทกภัยครั้งแล้วครั้งเล่า มีการประเมินค่าความเสียหายทางเศรฐกิจที่ฟังแล้วน่าตกใจและน่าเสียตาย แต่ที่น่าเสียดายยิ่งไปกว่านั้นคือต้นทุนทางธรรมชาติที่ใช้เวลาสะสมมาเป็นระยะเวลายาว กว่าที่ต้นไม้แต่ละต้นจะเติบโตมาเพียงเพื่อให้ถูกตัดไปภายในชั่วพริบตาโดยไม่ได้มีการปลูกทดแทนไว้แต่อย่างใด

หลังการทางเศรษฐศาสตร์ข้อหนึ่งกว่าว่า There is no free lunch ไม่มีการได้มาโดยไม่เสียอะไรไป ยังคงเป็นจริงเสมอ การได้มาซึ่งปัจจัยสี่อันเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์เราก็เช่นกัน ทุกปัจจัยก็ต้องแลกมาด้วยการเสียไปซึ่งธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ

เช่น ในขั้นตอนการผลิตอาหารของมนุษย์เพื่อมนุษย์ด้วยกันเองนี่เหละที่ผู้ผลิตมักจะคิดว่า ปลูกผักให้ได้มากที่สุด หน้าตาอวบอ้วนน่ากินที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ยาฆ่าแมลงมากที่สุดเช่นกัน การเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ก็ต้องให้ฮอร์โมน ให้สารเร่งที่เป็นยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมผลผลิตให้ได้มากที่สุด และเราล่ะนอกจากเป็นผู้บริโภคแล้วเรายังเป็นเหยื่อของผู้ผลิตอีก สังเกตหรือไม่ว่าหลายคนเป็นหวัดแล้วหายช้าลงทั้งๆ ที่กินยา ก็เพราะเราเคยบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสารต่างๆ นานาเข้าไปนั่นเองจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการดื้อยาในคน เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ทุกวันนี้ก็เช่นกัน เราทราบแต่เพียงว่า ผ้าฝ้ายสวมใส่บายกว่าผ้าใยสังเคราะห์แต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ในขั้นตอนการผลิตของผ้าที่ผสมใยสังเคราะห์นั้น ยังมีโรงงานอีกมากมายที่ปล่อยน้ำเสียที่มีสารไดออกซินลงสู่แม่น้ำโดยปราศจากการบำบัดที่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากทำให้น้ำเน่าแล้วยังทำลายแหล่งอาหารประเภทสัตว์น้ำด้วย แม้กระทั่งยาสีฟันก็เช่นกัน เราน่าจะมาพร้อมใจกันใช้ยาสีฟันแบบเจลหรือผงสมุนไพรไทยๆ กันดีกว่า เพราะในขั้นตอนการผลิต (อีกเช่นกัน) ที่ยาสีฟันแบบสีขาวนั้นยังคงมีสารปนเปื้อนปล่อยลงสู่แม่น้ำและก่อให้เกิดมลภาวะเช่น ที่เราเห็นอยู่

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมาเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของเราเพื่อสงวนไว้สซึ่งพลังงานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เราให้คงไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

  1. อย่าเปิดไฟทิ้งไว้
  2. เปลี่ยนหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่นหลอดไฟที่เปิดทิ้งที่หน้าบ้านในตอนกลางคืนนั้น ควรเป็นหลอดประหยัดพลังงาน เช่น LED 3 วัตต์แทนหลอดไส้ 35 วัตต์
  3. ใช้ยาสีฟันแบบเจล ใช้สบู่เหลวแทนสบู่ก้อนเพื่อลดปริมาณน้ำเสีย โดยเฉพาะสบู่ก้อนนั้นเราจะเห็นได้ชันเจนว่าเวลาเราอาบน้ำจะเป็นคราบไขมันติดอยู่ในห้องน้ำ
  4. ควรเลือกสวมใส่ผ้าฝ้าย 100% แทนผ้าใยสังเคราะห์
  5. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร CFC เช่น สเปรย์ทุกชนิด เพราะเป็นการทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศซึ่งก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกและทำให้โลกร้อนขึ้น
  6. ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ขัดแย้ง เช่นไม่ควรนำของร้องแช่ตู้เย็น ไม่ควร เปิด-ปิด ตู้เย็นช่อยๆ หรือเปิดค้างไว้เพื่อดื่มน้ำ ไม่ต้มน้ำในห้องแอร์ หรือ ควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิทและปิดม่านถ้ามีแดส่องขณะเปิดแอร์ ถ้าเป็นไปได้ควรเปิดแอร์ให้น้อยลงเพราะนอกจากเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าแล้วยังช่วยลดความร้อนในชั้นบรรยากาศด้วย
  7. ขับรถด้วยความเร็ว 80-90 กม. ต่อชั่วโมง
  8. ใช้กระดาษให้คุ้มค่าทุกหน้าทุกแผ่น อย่าฉีก ตัด ขยำกระดาษและหลีกเลี่ยงการทำให้กระดาษเปียกน้ำเพื่อที่เยื่อกระดาษจะได้ไม่เสียและสะดวกต่อการนำมาทำกระดาษ recycle
  9. ลดการใช้กระดาษทิชชูให้น้อยลงตามความจำเป็นเพื่อช่วยรักษาป่า
  10. ลดปริมาณการใช้น้ำและการสูญเสียน้ำให้น้อยลง เช่น ไม่เปิดน้ำทิ้งขณะแปรงฟัน ริมน้ำเท่าที่ต้องการจะดื่ม ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกใช้สุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำ
  11. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันให้น้อยลง เช่นใช้น้ำส้มสายชู 1 ส่วน ผสมน้ำ 4 ส่วนแทนน้ำยาขัดห้องน้ำ ใช้ผลิตภัณฑ์ยากันยุงที่ทำจากตะไคร้หอม เนื่องจากสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นผลิตภัณฑ์แบบสะดวกซื้อสะดวกใช้นั้นก่อให้เกิดมลภาวะทั่งในขั้นตอนการผลิตและการใช้

คงไม่ยากจนเกิดไปใช่ไหมสำหรับการเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของเราในวันนี้เพื่อโลกที่สดใสกว่าในวันหน้าของพวกเราและอนุชนรุ่นหลัง