ความหมายของ Net Zero

Net Zero หรือ “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” คือ สภาวะที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การเกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรม เท่ากับปริมาณที่สามารถดูดกลับเข้าสู่ธรรมชาติหรือระบบได้ผ่านกลไกต่างๆ เช่น การปลูกป่า การฟื้นฟูระบบนิเวศ การใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน หรือการชดเชยด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต แนวคิดนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสิ้นเชิง แต่หมายถึง การปล่อยให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น และหาวิธีดูดกลับหรือชดเชยให้ได้เท่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมในชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน

ความเป็นมาและความสำคัญของเป้าหมาย Net Zero

แนวคิด Net Zero เกิดขึ้นจากความพยายามของนานาชาติในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (UN) และคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้สรุปว่า หากไม่สามารถจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ภายในกลางศตวรรษนี้ โลกจะเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงเกินเยียวยา ทั้งภัยพิบัติ สภาพอากาศสุดขั้ว การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสุขภาพมนุษย์

ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี ค.ศ. 2015 เป็นหมุดหมายสำคัญที่ทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย ตกลงร่วมกันว่าจะดำเนินมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สถานการณ์ของประเทศไทย

แม้ว่าประเทศไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นประมาณ 0.8% ของการปล่อยทั่วโลก แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบของโลกร้อน จากการศึกษาของ Global Climate Risk Index ประเทศไทยเคยติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เช่น ภัยแล้งที่ส่งผลต่อเกษตรกรรม น้ำท่วมในเขตเมืองใหญ่ อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบางจังหวัด ปัญหา PM2.5 ที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง รวมถึงการเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำและป่าไม้ ประเทศไทยจึงได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อย 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 หากได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีและเงินทุนจากต่างประเทศ

ทำไมคนไทยควรใส่ใจ Net Zero

ประการแรก เป้าหมาย Net Zero เป็นเรื่องที่กระทบชีวิตประจำวันโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพอากาศที่เราหายใจ ความมั่นคงของอาหารที่เราบริโภค หรือความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น

ประการที่สอง หากประเทศไทยไม่ปรับตัว อาจสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้กลไก CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ที่จะเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้านำเข้าจากประเทศที่ไม่มีมาตรการลดคาร์บอน หากไทยไม่พัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ อาจสูญเสียตลาดสำคัญไป

ประการที่สาม ความท้าทายนี้ยังเป็นโอกาสในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว สร้างอาชีพใหม่ เช่น วิศวกรพลังงานสะอาด ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม นักพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล หรือเกษตรกรที่ใช้เทคนิคปลูกพืชแบบลดคาร์บอน

ตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ

ลองนึกถึงโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่ใช้พลังงานจากถ่านหิน ไม่มีการตรวจวัดติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่มีแผนลดการปล่อย และไม่มีการปลูกต้นไม้หรือชดเชยใดๆ โรงงานนี้จะถูกมองว่าเป็นผู้ก่อมลพิษ และอาจถูกกีดกันจากตลาดต่างประเทศในอนาคต ในทางกลับกัน โรงงานที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง จัดการของเสียอย่างรัดกุม และร่วมโครงการชดเชยคาร์บอนผ่านการปลูกป่า จะถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม และมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภค นักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ หรือหากเปรียบเทียบระดับครัวเรือน บ้านที่เปิดแอร์ตลอดวัน ใช้รถยนต์ส่วนตัวคนเดียวทุกวัน และไม่มีการแยกขยะ จะมีคาร์บอนฟุตพรินต์สูง ขณะที่บ้านที่ติดตั้งหลอดไฟ LED ใช้ขนส่งสาธารณะ ปลูกต้นไม้ในรั้วบ้าน และเลือกซื้อสินค้าที่ยั่งยืน จะมีคาร์บอนต่ำกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แนวทางการมีส่วนร่วมของคนไทย

ในระดับองค์กร ธุรกิจควรเริ่มจากการวัดคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ของตน ตั้งเป้าลดการใช้พลังงาน การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ การหันมาใช้พลังงานทดแทน และการชดเชยคาร์บอนผ่านโครงการที่ผ่านการรับรอง เช่น T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program)

ในระดับบุคคล ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ เช่น

  • ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไม่ต่ำเกินไป (25 องศาเซลเซียส)

  • ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน

  • เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ การเดิน หรือจักรยาน

  • ใช้ซ้ำ หลีกเลี่ยงสินค้าที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง

  • หากเป็นไปได้ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านหรือชุมชน

  • สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากคาร์บอนต่ำ

Net Zero ไม่ใช่แค่เป้าหมายระดับโลกที่ดูไกลตัว แต่เป็นพันธกิจร่วมของทั้งประเทศในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ปลอดภัย และเท่าเทียม หากเราทุกคนร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นำนวัตกรรมมาใช้ และสร้างความร่วมมือในทุกระดับ เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยก็จะไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม


อ้างอิง

  1. Intergovernmental Panel on Climate Change. (2021). Sixth Assessment Report.

  2. United Nations Framework Convention on Climate Change. (2015). Paris Agreement.

  3. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2566). แผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย.

  4. องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน). (2565). แนวทางการจัดทำคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร.

  5. กรมควบคุมมลพิษ. (2566). รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศประเทศไทย.

  6. European Commission. (2022). Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM).