กลับมาอีกหนึ่งระลอกกับปรากฎการณ์น้ำมันแพงที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับการล้มลงของโดมิโนที่เรียงต่อๆกัน คือ หลังจากที่โดมิโน่ตัวหนึ่งล้มลง ตัวอื่นๆก็ล้มตามกันมา อย่างเรื่องของน้ำมันที่แพงขึ้นย่อมส่งผลกระทบไปถึงเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าหรือแม้กระทั่งราคาเนื้อสัตว์ที่สูงตามมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามวิถี หันกลับมาที่ตัวเราเองแล้วบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การหันมาปรับเปลี่ยนตัวเองสู่วิถีแห่งการพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด

      ชีวิตประจำวันของเรานอกจากการกิน อยู่ แล้วยังมีเรื่องของการเดินทางเข้าเกี่ยวข้อง การเดินทางทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ และเราเดินทางกันแถบทุกวัน รูปแบบการเดินทางมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีการเดินในระยะทางที่ใกล้ๆ การใช้จักรยาน การใช้บริการสาธารณะอย่างรถประจำทาง รถเมล์ หรือรถไฟฟ้า และในปัจจุบันจะพบว่าแนวโน้มการใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางมีปริมาณที่มากขึ้น ทั้งนี้อาจจะสืบเนื่องจากการระบาดของโควิดที่เป็นองค์ประกอบร่วมที่ทำให้คนต้องการความปลอดภัยจึงหลีกเลี่ยงการใช้รถร่วมกับผู้อื่น

     ทางเลือกแรก คือ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกใช้บริการสาธารณะก่อน หรือ หากสะดวกในการใช้วิธีการเดินหรือจักรยานในกรณีที่จุดหมายไม่ไกลมากนัก 2 ทางเลือกนี้จะช่วยในการประหยัดพลังงานได้ดีที่สุด ทางเลือกถัดมา คือ หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจริงๆ เรามีคำแนะนำดีๆเพื่อให้ทุกท่านใช้รถอย่างปลอดภัย ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วแถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย เราจะมาเรียนรู้ถึงหลัก 3 อ.กัน

ภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1596622/

 อ.อุดรูรั่ว ลดการสูญเสีย-รั่วไหลให้ดี เช่น การเติมน้ำมันเต็มถังจนล้นเกิน หรือ ตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆว่าเป็นจุดรั่วไหลตรงไหรบ้าง เช่น น้ำมันเบรก หม้อน้ำ เพราะหากมีความผิดปกตินอกจากจะไม่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่แล้วยังเกิดการสูญเสียพลังงานได้อีกด้วย

 อ.อุปกรณ์ การดูแลรักษารถยนต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการประหยัดพลังงานเพราะหากดูแลอย่างสม่ำเสมอจะทำให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้ ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานและยังมีความปลอดภัยอีกด้วย

  • หัวเทียน หากท่านใช้รถยนต์เบนซินอย่าลืมตรวจสอบหัวเทียนวาสมีเขม่าดำบริเวณเขี้ยว หนาเพียงใด เพราะจะมีผลต่อการจุดระเบิดให้กับเครืองยนต์ อย่าปล่อยให้หัวเทียนบอด
  • เช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ หากน้ำต่ำกว่าระดับที่กำหนดอาจส่งผลต่อการระบายความร้อน จนทำให้เครื่องยนต์ติดขัด ทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองพลังงานและอาจเกิดความเสียหายได้หากหม้อน้ำแห้ง
  • น้ำมันเครื่อง มีหน้าที่สำคัญคือทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อน และปกป้องชิ้นส่วนภายในของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี หากใช้ไปนานๆน้ำมันเครืองจะมีความหนืด ทำเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองพลังงาน ฉะนั้นทุกๆ 8,000 – 10,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 4 เดือนควรจะมีการเปลี่ยน้ำมันเครื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกรดของน้ำมันเครื่อง ซึ่งมักจะมีการเปลี่ยนพร้อมกรองน้ำมันเครื่อง
  • กรองแอร์ มีหน้าที่กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ กรองแอร์จะช่วยกรองอากาศภายในรถให้ดีต่อสุขภาพผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ควรมีการเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอโดยอาจเปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
  • ยางรถยนต์ เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะนำพารถขับเคลื่อนไปได้อย่างปลอดภัย โดยสิ่งสสำคัญ คือ การหหมั่นเช็คลมยางให้พอเหมาะหากปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไปหน้าสัมผัสจะทำให้เกิดแรงเสียดทานมาก เป็นผลให้สิ้นเปลืองพลังงาน แต่หากเติมลมยางแข็งเกินไปอาจส่งผงให้หน้ายางไม่เกาะถนน เพิ่มความเสี่ยงต่อดการเกิดอุบัติเหตุได้

   อ.อุปนิสัย พฤติกรรมการใช้รถเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อการประหยัดพลังงานและส่งเสริมความปลอดภัย

  • ก่อนออกรถปรับกระจกมองหลัง กระจกมองข้างและเบาะให้เข้าที่ ไม่ควรออกรถแล้วค่อยทำเพราะนอกจากจะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย
  • ออกรถอย่างนิ่มนวลประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 50%
  • สำหรับท่านที่ขับรถเกียร์กระปุก ไม่ควรขับรถเลี้ยงคลัทช์จะช่วยประหยัดน้ำมัน
  • ขับรถเปิดหน้าต่างกินลมเย็นๆ แต่รู้ไหมว่าทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 10%
  • บรรทุกของหนักเกินไปสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าปกติ เดินทางครั้งต่อไปเลือกสัมภาระเท่าที่จำเป็น
  • หากเป็นไปได้ถอยหลังเข้าจอด รถออกง่ายสิ้นเปลืองน้อยกว่า ไม่อารมณ์เสียอีกด้วย
  • ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอและขับที่ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากมาย

หากจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัว อย่าลืมพกพาสติขึ้นไปกับรถพร้อมทั้งนำหลัก 3 อ.ไปใช้รับริงว่าเราจะเป็นอีกคนที่ช่วยประหยัดพลังงานได้แน่นอน


ขอบคุณข้อมูลจาก