บางครั้งหากเรา เรียนรู้ ปรับใจและปรับตัวให้เป็น จะพบว่าในวิกฤตนั้นเต็มไปด้วยโอกาส เฉกเช่นเดียวกับในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 หากเรามองดีๆจะพบว่ามีโอกาสมากมายรอให้เราได้ค้นพบ เมื่อตั้งสติได้แล้ว เราจึงเริ่มต้นด้วยการหันกลับมาใช้หลัก 3 มองเป็นแนวทางในการฝ่าวิกฤตไปพบกับโอกาสที่อยู่ปลายอุโมงค์

  1. มองให้เห็นคุณค่าของตัวเอง

 “เสียงนกร้องตอบรับกันไปมา ลงพัดแผ่วๆ กลิ่นดอกปีบอ่อนๆลอยมา สายตามองกว้างออกสู่บึงกว้างที่อยู่ข้างหน้า รอบตัวเรานั้นช่างมีแต่สิ่งสวยงาม”

ในช่วงมีการจัดกิจกรรมที่ศูนย์ฯทีมงานเราจะมีจิตจดจ่ออยู่กับการต้อนรับ บริการ และจัดกิจกรรมอย่างเต็มที่ให้กับกลุ่มเป้าหมาย จนบางครั้งเราหลงลืมความสวยงามบางอย่างที่อยู่ต่อหน้า และเมื่อได้มีโอกาสเดินสำรวจอย่างช้าๆแบบไม่รีบร้อนในบริเวณพื้นที่กว่า 50 ไร่ของศูนย์รวมตะวัน มันทำให้กลีบดอกแห่งความรู้สึกของเราได้เปิดออกกว้างขึ้นจนพบว่า รอบบริเวณศูนย์รวมตะวันเต็มไปด้วยคุณค่าที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่เรามองแบบเดิมๆ

  • เมื่อฤดูกาลดอกปีบมาถึงภาพที่เราเห็น คือ ดอกปีบที่ร่วงหล่นเต็มพื้นเป็นความสวยงามตามธรรมชาติที่คุ้นตาอย่างหนึ่ง
  • ผลตะลิงปลิงที่ออกจนเต็มต้น รสชาติเปรี้ยวจนตาปิด เคยเก็บมาจิ้มพริกเกลือกัน เรายังกินกันแทบไม่ทัน
  • ผักกูดที่ขึ้นในแปลงปลูกและตามริมน้ำ เราก็นำมาผัดหรือลวกจิ้มน้ำพริกกันอยู่บ่อยๆ แต่ยิ่งเด็ดผักกูดยิ่งขยันแตกยอด

นี่แค่เป็นตัวอย่างเล็กๆส่วนหนึ่งที่เราพบเจอที่ศูนย์ฯ ยังมีอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเองว่าจริงๆแล้วในตัวเรานั้นมีคุณค่ามากมาย หากแต่ว่าเราอาจต้องเปิดใจกว้างมองให้เห็น บางครั้งเราอาจต้องขอบคุณวิกฤตที่เหมือนกับไม้เรียวที่ลงเราอย่างแรงจนทำให้เราต้องหันขวับกลับมาอย่างแรงพร้อมๆกับการดึงสติให้ทบทวนตัวเองให้มากขึ้น

  1. มองให้เห็นโอกาส

     “เมื่อมันอยู่ตรงนั้นปล่อยไว้ก็คือ สิ่งที่ไร้ค่า แต่หากว่าเรานำมาแปรรูปสร้างคุณค่ามันดูดีขึ้นมากมาย ที่สำคัญคือเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการสิ่งนั้นเป็นอย่างดี”

แน่นอนว่าในภาวะวิกฤตโควิดระบาดแบบนี้ ผู้คนย่อมต้องระมัดระวังใส่ใจในสุขอนามัยเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยจากโรคระบาดนี้ ศูนย์รวมตะวันเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในวันที่ศูนย์ฯเงียบเหงา ไม่มีเด็กๆหรือผู้เข้าร่วมอบรมมาสร้างสีสันต์ แต่เรามองว่านี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทบทวนตัวเองและพัฒนาพื้นที่ศูนย์รวมตะวันให้พร้อมรับกับกิจกรรมการเรียนรู้ เมื่อช่วงเวลาเมื่อโควิดได้จางหายไป

ที่ผ่านมาเรามองเห็นตะลิงปลิง,ผักกูด,ดอกปี๊บหรืออีกหลายสิ่งที่อยู่ในศูนย์ฯ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่ถูกวางนิ่งๆอยู่อย่างนั้น แต่มาวันนี้เรามองเห็นอะไรบางอย่างที่จะต่อยอดสร้างคุณค่าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งเหล่านั้น เรามองสิ่งเดิมด้วยสายตาใหม่

  • มองเห็นดอกปีบที่ร่วงหล่นเปลี่ยนเป็นชาดอกปีบอันหอมละมุน
  • มองเห็นตะลิงปลิงที่ออกผลเต็มต้นเปลี่ยนเป็นแยมตะลิงปลิงอันทรงคุณค่า
  • มองเห็นผักกูดมากมายกลายไปเป็นอาหารปลอดภัยบนโต๊ะอาหารให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

ต้องขอขอบคุณวิกฤตโควิดที่ทำให้เราได้เปลี่ยนมุมมองใหม่ได้พบเจอกับคุณค่าใหม่ของสิ่งที่เราพบเจออยู่ประจำจากนี้ไปทุกอย่างรอบตัว คือ โอกาสของเรา

  1. มองให้เห็นเป็นความหวัง

       “การหยุดนิ่ง(ด้วยความท้อแท้) คือ การยอมแพ้ต่อการเปลี่ยนแปลง และความหวังนั้นผลักดันให้เราก้าวต่อไป”

       เมื่อเรามองเห็นคุณค่าตัวเอง เห็นโอกาส แล้วลงมือทำอย่างมุ่งมั่นแล้วภาพความฝันที่ปรากฏนั้น คือ ผู้คนเข้ามาพักกาย พักใจ และเรียนรู้ที่ศูนย์รวมตะวันอย่างมีความสุข เราฝันเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันอบอุ่นฟื้นคืนกลับมา และสิ่งเหล่านี้ คือ ความหวังที่มีชีวิต อันเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นดำเนินงานต่อไป


เข้าชมร้านค้าออแกนนิกส์ออนไลน์ได้คลิ๊กลิงค์ด้านล่าง

https://adeq.or.th/shop