การขยายพื้นที่เพาะปลูกยาสูบในพื้นที่ป่า ทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ (ร้อยละ 5 ของพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายทั่วโลก เกิดจากการเพาะปลูกยาสูบและในบางประเทศสัดส่วนนี้สูงถึงร้อยละ 30) นอกจากนั้น การบ่มใบยาสูบต้องมีการตัดต้นไม้เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง จากการศึกษาพบว่า ร้อยละ 5 ของป่าไม้ในประเทศที่ปลูกใบยาสูบถูกทำลายเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการบ่มยา โดยในการผลิตบุหรี่ทุกๆ 300 มวนจะทำให้มีการตัดต้นไม้ 1 ต้น ซึ่งในแต่ละปีมีคนสูบบุหรี่มากถึง 5 ล้านมวน ส่งผลให้ต้นไม้ที่ถูกโค่นมาเพื่อใช้ในการผลิตบุหรี่ในแต่ละปีสูงถึง 16,700 ล้านตัน ปริมาณการใช้ไม้ในการผลิตบุหรี่นั้นแยกออกเป็นร้อยละ 69 ใช้ทำเป็นฟืนบ่มใบยา ร้อยละ 15 ใช้ในการก่อสร้างโรงบ่มใบยาและฉางเก็บยา และร้อยละ 16 ใช้ในการทำกระดาษมวนบุหรี่และกล่องบรรจุหีบห่อ จะเห็นได้ว่าเราต้องสูญเสียป่าไม้เพื่อใช้ในการผลิตบุหรี่จำนวนมาก
     นอกจากนั้น พื้นที่ป่ายังถูกทำลายจากการเกิดไฟไหม้ป่าที่มีสาเหตุจากก้นบุหรี่ที่ไม่ถูกดับให้สนิท เพราะบุหรี่ 1 มวน หากสูบไม่หมดแล้วโยนทิ้งหรือวางไว้ โดยที่ไม่ดับจะใช้เวลากว่า 10 นาที จึงจะมอด และบุหรี่จะดับเมื่อไหม้ถึงก้นมวนเท่านั้น บุหรี่จึงเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีโดยเฉพาะในป่าที่มีใบไม้แห้งทับถม การเกิดไฟไหม้ในป่าได้ทำลายพืชพันธุ์และสัตว์ป่าบางชนิดให้สูญพันธุ์ไป และไฟป่าหลายครั้งเกิดจากสาเหตุของบุหรี่แค่มวนเดียว
————————————-
👉✍️ติดตามตอนต่อไปได้ที่