อยากบอกเล่าถึงประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่นั้นก็ได้ชิมลาง เปิดหัวใจ หายใจได้เต็มปอด ไว้ใจให้ธรรมชาติได้โอบกอดเรา และได้เรียนรู้ว่า แท้จริงนั้นธรรมชาติล้วนอยู่ในตัวเรา

ล้อมวงกันเข้ามา…..

นั่งยิ้มอยู่ใต้ต้นไม้ รู้สึกอุ่นใจ วางใจ และดีใจ

————————————————-

แม้ว่าช่วงนี้จะทำให้โอกาสการจัดกิจกรรมของเราน้อยลงเนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่เรากลับพบว่าเราได้มีโอกาสดีๆที่ได้เวลาอันสงบเงียบที่จะพัฒนาศักยภาพกายและใจของเราให้เข้มแข็งเพื่อมีภูมิให้มากพอที่จะรับกับสิ่งรอบตัว

จะดีแค่ไหนที่เรากำลังจะได้ยินเสียงธรรมชาติรอบตัวให้ดังและชัดเจนยิ่งขึ้น ในใจยังคิดว่าให้ลองไปนั่งคุยกับต้นไม้ เขาจะคุยกับเราได้จริงไหม หากไม่นึกถึงแง่ไสยศาสตร์แล้วในเชิงวิทยาศาสตร์เราสามารถจะพูดคุยสื่อสารกับต้นไม้ได้จริงไหม….คำถามเหล่านี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อน้องๆฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ได้ชักชวนให้เข้าหลักสูตรสั้นๆในแบบชิมลางกับหลักสูตรที่ชื่อว่า Nuture connection การสื่อสารกับธรรมชาติ

สิ่งที่เป็นเรา ล้วนปรากฏในธรรมชาติ

—————————————

ใต้ร่มไม้ที่บังแดดได้อย่างพอดิบพอดี ลมเบาๆผัดผ่านมาเป็นระยะๆ  เรานั่งเก้าอี้แบบล้อมวงโดยมีศูนย์กลางเป็นแท่นเตี้ยๆปูด้วยผ้าดิบ มีแจกันดอกไม้ที่ไม่ได้จัดตามหลักการอะไรมากมาย ประกอบด้วยหมู่ไม้ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันแต่เมื่อมารวมกันแล้วกับดูงดงามในแบบของมัน สะท้อนถึงความหลากหลายอันคงอยู่

ผู้นำกิจกรรมได้เริ่มตันด้วยความเงียบ เราจึงต้องเงียบตามไป นำไปสู่ความแปลก แปลกตรงที่เราไม่เคยได้ยินเสียงหลายเสียงในตอนที่เราพร่ำพูด เงียบสักพักผู้นำกิจกรรมเริ่มอธิบายถึงสิ่งสำคัญก่อนจะเริ่มทำกิจกรรมต่อ

เริ่มต้นที่เราต้องเปิดใจ เปิดประสาทสัมผัสทั้งหมด เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับธรรมชาติ รูป รส กลิ่น เสียงที่ปรากฏรอบตัวเรา คือ ของจริง มันคือธรรมชาติ

ผมทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้แต่ยอมรับว่าไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมดแต่พร้อมแล้วที่จะทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ และเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน…โจทย์แรกที่ผู้นำกิจกรรมเปิดเรื่องให้เรา คือ ออกค้นหาสิ่งที่อยู่รอบตัวที่สะท้อนความเป็นตัวตนของคุณ  เราใช้เวลาไม่นานนักต่างๆคนต่างออกหาแล้วเราก็กลับมาสิ่งที่ได้กลับกันมาไม่ว่าจะเป็น ก้อนดิน ใบไม้สด ใบไม้แห้ง ลูกไม้ และเมื่อทุกคนได้ขยายความเกี่ยวข้องในสิ่งที่ตนไปค้นหามาจะพบว่า ความเป็นตัวตนของเรานั้นต่างปรากฏให้เห็นในธรรมชาติรอบตัว

 อยากถามอะไรกับธรรมชาติ ?

———————————-

  • ทำไมต้นไม้พูดไม่ได้
  • สิ่งมีชีวิตข้ามสายพันธุ์สื่อสารกันอย่างไร
  • ทำไมดินต้องมีความแตกต่างกัน
  • ทำไมเราจึงหายใจในน้ำไม่ได้
  • ธรรมชาติเจ็บปวดมากไหมที่ถูกความไร้เดียงสาของมนุษย์กระทำมาตลอด

ตัวอย่างชุดคำถามข้างต้น คือ กิจกรรมที่เปิดให้ตั้งคำถามแบบไม่มีผิด ไม่มีถูก และที่สำคัญคือ เราถามแบบไม่ต้องการคำตอบ มนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเรามักตั้งคำถามกับธรรมชาติอยู่เสมอ หลายๆคำถามที่มนุษย์อธิบายได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์หรืออีกสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อ

เมื่อสิ้นสุดการให้โจทย์ของผู้นำกิจกรรมในช่วงนี้ เราต่างสนุกกับการตั้งคำถามกับธรรมชาติเหมือนกับเด็กที่ไร้เดียงสา ทำเหมือนกับว่าธรรมชาติรอบตัวเหมือนผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งที่คอยรับฟังคำถามและไม่เคยเลยที่จะฉุดรั้งเราไม่ให้ตั้งคำถาม รู้สึกดีและไว้ใจจัง…

ชั่วขณะแห่งการโอบกอดของธรรมชาติ

———————————————–

เคยมีช่วงเวลาดีๆที่ทำให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติหรือไม่ ?

หลับตา นั่งนึก ย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาดีๆที่เรารู้สึกว่าเรากำลังเป็นอิสรภาพ เล่นได้อย่างสบายใจ อบอุ่นไปกับธรรมชาติ ไว้ใจที่จะให้ธรรมชาติได้หยอกล้อกับเรา ผู้นำกิจกรรมให้เราถ่ายทอดช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นภาพวาดและเราต่างพลัดกันย้อนอดีตบอกเล่าเรื่องราวที่สุดแสนประทับใจถึงชั่วขณะแห่งความรู้สึกที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ใบหน้าอันเอิบอิ่มและมีความสุขที่แสดงออกมา ทำให้เราสัมผัสกันและกันได้ เหมือนกับว่าได้ไปอยู่ในอารมณ์นั้นด้วยกัน…..

เมื่อฉันหยั่งรากสู่พื้นดินและประตูเชื่อมต่ออยู่ตรงนั้น

————————————-

เมื่อประตูเปิดออก เราจึงได้เชื่อมต่อ…

    เราแยกย้ายหาพื้นที่อันถูกใจและสุดสงบ จะนั่ง ยืน นอน ตามอัธยาศรัยไม่ต้องกะเกณฑ์อะไรมาก สิ่งสำคัญ คือ การทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  โดยโจทย์ที่ทางผู้นำให้เรา คือ ให้เราลองจำแลงกายเป็นต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงดินให้สุดขั้วพร้อมๆกับการเผยขยายกิ่งก้านสู่นภากาศอย่างเป็นอิสระ เราจะรู้สึกอย่างไร ผู้นำกิจกรรมทวนสอบให้เราได้ย้อนกลับไปสู่กิจกรรมที่ผ่านมาเพื่อให้เราได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า ประตูเชื่อมต่อสู่ธรรมชาติ..รู้สึกสว่างและอบอุ่นกับกิจกรรมนี้เป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้

———————-

ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่มันช่างมีความหมายและคุณค่า เป็นเพียงการชิมลางให้พอรู้สึกว่าการเชื่อมต่อกับธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังมีคำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาถามตัวเอง อยากถามว่า หากธรรมชาติอยู่ในเราและเรานั้นคือธรรมชาติ

หากเราทำร้ายธรรมชาตินั้นเท่ากับว่าเรากำลังทำร้ายตัวเองจริงไหม ?