สงครามเคมีใกล้ตัวที่เรามีส่วนทำให้เกิด
พอพูดถึงสงครามทุกคนก็กลัวกันทั้งนั้น อาวุธที่นำมาใช้ก็มีอานุภาพรุนแรง มากขึ้นตามลำดับเช่นฆ่าทั้งผู้คนและสัตว์ทุกชนิด นอกจากนี้ยังทำลายระบบนิเวศ พืชพรรณ ดิน และน้ำจนยากต่อการฟื้นสภาพอีกนาน ยิ่งเจออาวุธเคมีด้วยแล้ว ผลตกค้างจะยาวนานจนกำหนดไม่ได้เพราะอาจมีผลต่อพันธุกรรมของพืชและสัตว์ที่เราต้องพึ่งพาและใช้เป็นอาหาร แต่พอสงครามไม่เกิดขึ้นหลายคนก็โล่งอกไม่ต้องกังวลอะไร และก็ขอให้การเผชิญหน้าทั้งในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ จะยุติลงได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าการสู้รบจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตามพวกเราทุกคนต้องรับผลกระทบจากอาวุธเคมีโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเป็นอาวุธเคมีที่ถูกนำมาใช้ใกล้ตัวเราทุกวันเป็นเวลาหลายปี ติดต่อกันมาแล้ว เพียงแต่เราไม่มีความรู้และความเข้าใจเพียงพอว่าอาวุธร้ายแรงเหล่านี้มีผลต่อสุขภาพร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไร
แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือเราเป็นผู้ที่มีส่วนให้มีการนำอาวุธเคมีมาใช้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ที่มีการใช้อาวุธเคมีที่อันตรายมากกลับไม่ใช่แนวพรมแดน หรือสนามรบแนวหน้าที่ไหน แต่เป็นพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรเรานี่เอง ที่เกษตรกรเอาอาวุธเคมีมาห้ำหั่นศัตรูพืชหลายต่อหลายชนิด ตลอดทั้งปีและทุกฤดูกาลเพาะปลูก
เหตุที่ว่าเราเป็นผู้มีส่วนอย่างสำคัญในการนำเอาอาวุธเคมีเข้ามาใช้เพิ่มมากขึ้นนั้นเนื่องจากวิถีการบริโภคที่ไม่หลากหลายทั้งผักและผลไม้ การบริโภคซ้ำซากอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุให้มีการปลูกพืชน้อยชนิดลง ด้วยมุ่งตอบสนองความต้องการพืชผักและผลไม้ยอดฮิตที่เป็นที่ต้องการสูงของตลาด ซึ่งเป็นการส่งเสริมการแพร่ระบาดของศัตรูพืชเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพื่อให้ได้ผลผลิตคุ้มค่าต่อการลงทุน เกษตรกรก็ต้องปกป้องผลผลิตของตนเองด้วยการใช้ยาและสารเคมีหลายชนิดและปริมาณมาก เพื่อฆ่าและทำลายศัตรูพืชทุก ๆ ระยะ การเติบโตของพืช และยิ่งมีการบริโภคนอกฤดูกาลของผักและผลไม้ยิ่งทำให้การเพาะปลูกของเกษตรไม่จำกัดอยู่ในขอบเขตที่ธรรมชาติจะเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตได้ดีเท่านั้น เกษตรกรจะปลูกด้วยการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อควบคุมปริมาณน้ำ อาหาร และธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืช เมื่อเติบโตดีแล้ว มีการรบกวนของศัตรูพืช เกษตรกรก็จะปกป้องผลผลิตด้วยการใช้สารเคมีที่สามารถทำลายศัตรูพืชได้โดยทันที ซึ่งจะต้องมีความรุนแรงและเป็นอันตรายมาก และโดยทั่วไปแล้ว เพื่อให้ได้ผลในการกำจัดศัตรูพืชอย่างแท้จริง เกษตรกรจะใช้ปริมาณมาก สารเคมีเพียงไม่ถึงร้อยละสิบที่มีผลต่อศัตรูพืชอย่างจริงจังที่เหลืออีกร้อยละเก้าสิบจะตกค้างอยู่ที่พืช ผลผลิต ดิน และน้ำในแหล่งเพาะปลูก ซึ่งก็จะถ่ายทอดสู่ผู้บริโภคทางบ่วงโซ่อาหารในเวลาต่อมา
สงครามที่มีการต่อสู้ด้วยอาวุธเคมีที่แท้จริงและอันตรายต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพของผู้บริโภคอย่างกว้างขวางมิใช่สงครามระหว่างชนชาติหรือลัทธิที่มีการเผชิญหน้ากันอยู่ ประเทศไทยไม่ได้ให้การสนับสนุนการสู้รบในทุกภูมิภาคทั่วโลกมากนัก แต่คนไทยผู้บริโภคก็ยังได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้แย่งชิงผลผลิตจากการเกษตรในแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
ถ้าอยากให้ผลกระทบดังกล่าวมาถึงตัวผู้บริโภคและพวกเราทุกคนน้อยลง และอยากให้ความรุนแรงจากการใช้อาวุธเคมีในการสู้รบเพื่อแย่งชิงผลผลิตทางการเกษตรลดน้อยลง พวกเราจะต้องหันมาบริโภคพืชผักและผลไม้ที่หลากหลายกว่านี้ โดยหลีกเลี่ยงการบริโภคซ้ำซาก เช่น การบริโภคผักคะน้าของพวกเราทุกวันนี้ ถ้าจะหาผักและผลไม้ที่หลากหลายอาจหาได้จากตลาดสด ไม่ใช่จากซุปเปอร์มาร์เก็ตทันสมัย เนื่องจากผักและผลไม้ที่หลากหลายมักจะไม่อยู่ในรายการสั่งซื้อมาจำหน่ายของฝ่ายจัดซื้อจากห้างทันสมัย แต่จะหาได้จากเกษตรกรชาวสวนและผู้ค้ารายย่อยที่ใส่กระด้ง กระบุงมาวางขายตามตลาดสด ซึ่งบางทีผู้บริโภคเห็นแล้วก็มองผ่านไปไม่ได้สนใจ เนื่องจากไม่รู้จักจะถามก็เกรงว่าจะถูกมองว่าไม่รู้จักอะไรซะเลย จึงไม่ถามและไม่ซื้อ
ส่วนการบริโภคนอกฤดูกาลผลิตก็จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการใช้สารเคมีในแปลงเพาะปลูก คราวนี้จะทราบได้อย่างไรว่าผักและผลไม้อะไรบ้างที่ออกมาตามธรรมชาติในแต่ละเดือน ถ้าจะหาคำตอบต่อคำถามนี้คงต้องพึ่งหน่วยราชการ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร หรือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรอีกหลายแห่ง ที่น่าจะให้ความอนุเคราะห์ได้ แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ปรึกษา สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้เลยว่าเดือนนี้น่าจะมีผักและผลไม้อะไรออกมาบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ ใกล้ตัวอย่างนี้คงจะช่วยลดความรุนแรงจากสงครามเคมีใกล้ตัวได้มากเลยครับ
บทความโดย
ดร.ธนวันต์ สินธุนาวา
นายกสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม